สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะอนุกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ดำเนินการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการใช้แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในสถานการณ์ฉุกเฉินจากเหตุการณ์อุทกภัย เพื่อใช้สำหรับภารกิจต่าง ๆ เช่น การรายงานตัวของอาสาสมัคร การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ หลังเกิดปัญหาเกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ทำให้เสียเวลาและใช้ในการรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉิน การลงทะเบียนรับเงินเยียวยา และการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้เกิดการบูรณาการกัน เพื่อความรวดเร็วในส่วนของภาครัฐ ภาคประชาชน รวมถึงเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) เร่งดำเนินการใช้ระบบเตือนภัยฉุกเฉิน หรือ Cell Broadcast Service (CBS) เพื่อให้การเตือนภัยให้ประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
               นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงการพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาะรณภัย , สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) , กรมอุตุนิยมวิทยา , ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ , สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรมประชาสัมพันธ์ ในเรื่องการเตือนภัยให้ประชาชนได้รับทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ ดังนี้ การส่งข้อความ (Sender Name) ได้มอบหมายให้ ปภ. เป็นผู้ส่ง แต่ข้อมูลที่จะส่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีหน้าที่ดูแลสภาพอากาศ อย่างเรื่องดินโคลนถล่มเป็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องฟ้าฝนเป็นของกรมอุตุนิยมวิทยา , ให้ผู้ให้บริการเครือข่าย เพิ่มช่องทางในการแจ้งเตือนประชาชน หากมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนจะมีหน้าที่ส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือ , กรมประชาสัมพันธ์ออกประกาศตามสื่อวิทยุโทรทัศน์ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนอีกทางหนึ่ง
               ส่วนระบบการแจ้งเตือนภัยพิบัติฉุกเฉิน (Cell Broadcast Service) จะเสร็จประมาณไตรมาส 2 ปี 2568 โดยในไตรมาส 1/2568 จะทดสอบระบบ จะมีการวิเคราะห์ข้อมูล และสามารถส่งเข้าไปได้ทุกหมายเลขที่อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ
               ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแจ้งเตือนภัยทางมือถือแบบ (Short Message Service : SMS) หรือข้อความสั้น ว่า ปภ. ได้ร่วมกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ให้บริการโทรศัพท์ วางแนวทางการส่งข้อความการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้รับข้อมูลการแจ้งเตือนภัยและสามารถเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างทันท่วงที และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น 
               โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปภ. จะเป็นหน่วยงานหลักในการออกข้อความแจ้งเตือนไปยังประชาชน เมื่อศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการพยากรณ์ จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลและส่งข้อความแจ้งเตือนภัยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทำการส่ง SMS ไปยังมือถือของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยรับทราบ โดยการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบข้อความสั้น (SMS) 2 รูปแบบ ทั้งการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 12-24 ชั่วโมง และการแจ้งเตือนภัยแบบฉุกเฉิน 6-12 ชั่วโมง โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาะรณภัย ย้ำการเตือน SMS ของทางการเชื่อถือได้

ฉัตรชัย พวงขจร / ข่าว  
#สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่